เกี่ยวกับโครงการ
ประธานกรรมการ
พระธรรมวชิรานุวัตร
ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" (บริหารกลาง)
ความเป็นมาโครงการ
โครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
(หมู่บ้านรักษาศีล ๕) เกิดขึ้นจากสถานการณ์บ้านเมืองในห้วงเวลาที่ผ่านมา
ประเทศไทยประสบปัญหามากมาย ประกอบด้วยการกระทำผิดกฎหมาย ปัญหาอาชญากรรม
การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การระบาดของสิ่งเสพติดและอบายมุข
การแตกแยกทางความคิด การเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม
และการจาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันหลักของชาติ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากการขาดสติ
จิตสำนึก ศีลธรรมและคุณธรรมจริยธรรมอันจะส่งผลให้สังคมเกิดความขัดแย้งคณะสงฆ์
โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
มีดำริที่จะเสริมสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติ ให้เกิดความสงบ สันติสุข
มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน โดยให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักศีล ๕
มาประพฤติปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวัน กอปรกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ได้ให้แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ด้วยการให้ทุกภาคส่วนในประเทศร่วมมือกันดำเนินการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และทำให้ประชาชนมีความรักความสามัคคีกันขึ้นในทุกส่วนของประเทศ
ตามดำริที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ได้ประทานโอวาทไว้ เมื่อวันที่
๑๗พฤศจิกายน๒๕๕๖ความว่า “อันว่าศีล ๕ เป็นการสำคัญมนุษย์ เมื่อทุกคนมีศีล ๕
ด้วยกัน สังคมนั้นๆ คือ ประชาชนย่อมจะอยู่เย็นเป็นสุข เมื่อเป็นไปได้
ขอให้ชื่อหมู่บ้านนั้นว่า หมู่บ้านรักษาศีล ๕”
โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ได้ร่วมกับคณะสงฆ์ และภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
ขยายผลการดำเนินลงไปสู่ระดับครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด
เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนในชาติมีความรักและเทิดทูนในสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์
และเสริมสร้างความสามัคคีปรองดองของประชาชนในชาติโดยใช้กลไกทางพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะหลักศีล
๕ นั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ไม่เบียดเบียนทั้งกาย ทางวาจา หรือจิตใจ ทำให้สังคมมีความสุข
ประกอบกิจกรรมการงานได้อย่างเสรี ไม่ต้องมีความกังวลใจใดๆ
เพราะมีกฎเกณฑ์กติกาที่กำหนดให้ทุกคนนั้นเคารพในสิทธิความเป็นมนุษย์ด้วยกัน
ในงานเขียนของท่านพุทธทาสภิกขุเรื่อง หน้าที่ของมนุษย์ กล่าวไว้ว่า
มนุษย์ที่จะเต็มไปด้วยความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์นั้น ก็มาจากการรักษาศีล ๕นั่นเอง
คือไม่มีปัญหา มีความเยือกเย็น ทั้งในแง่ของวัตถุ ร่างกายหรือจิตใจ
มีการสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หากว่าเห็นแก่ประโยชน์ของตน
ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว
ไม่อาจเรียกว่าเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มที่
การรักษาศีล ๕
จึงเป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์ในการดำรงอยู่สังคมร่วมกับผู้อื่น
หากพิจารณาถึงโดยธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์นั้นถือว่าเป็นสัตว์สังคม
การที่ต้องมาอยู่ร่วมกันเป็นสังคมทำให้โครงสร้างความสัมพันธ์มีความซับซ้อนมากขึ้น
และนำมาสู่ปัญหาสังคมตามมา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้ง
จึงจำเป็นที่จะต้องมีบทบัญญัติหรือข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันขึ้นมา
เพื่อให้ทุกคนยึดถือปฏิบัติตามร่วมกัน หากทุกคนปฏิบัติตาม
สังคมก็จะมีความเป็นระเบียบ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขซึ่งหลักศีล ๕
เป็นเสมือนข้อตกลงหรือบทบัญญัติขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่จำเป็นในการอยู่ร่วมกันโดยปกติสุขในสังคม
หากมีการละเมิดศีล ๕ นั้น อาจจะนำไปสู่การเกิดเป็นอาชญากรรมได้
ฉะนั้นการประพฤติตนไม่ให้ละเมิดศีล ๕ จะทำให้เกิดความสงบสุขเรียบร้อยในตัวบุคคล
ซึ่งเมื่อทุกคนมีศีล ๕ ที่เสมอกัน คือมีความเสมอภาคในเรื่องศีล ก็จะเป็นการปรับสถานะให้บุคคลในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข
โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕
จึงเป็นโครงการที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ขึ้นในสังคมไทย
ด้วยการอาศัยหลักธรรมศีล ๕ ข้อ ซึ่งเป็นธรรมพื้นฐานของการดำรงชีวิต
เป็นข้อปฏิบัติในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความสามัคคีเกิดขึ้นในชุมชน
การส่งเสริมให้ผู้คนรักษาศีล ๕ ข้อ
นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความสมานฉันท์แล้ว
ยังจะช่วยแก้ไขปัญหาที่สั่งสมมายาวนานที่เกิดจากความขัดแย้งของคนในชาติ
อันเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวไปข้างหน้า และยังช่วยสร้างบรรยากาศความสงบสุขเรียบร้อยเพื่อนำพาประเทศชาติกลับคืนสู่สภาวะปกติสุขอย่างยั่งยืน
หลักเกณฑ์
๑) ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมถิ่นกำเนิดของตนเอง
ด้วยการสร้างความรักความสามัคคี
ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
๒) ประชาชนไทยทุกหมู่บ้าน ชุมชน ตำบล และสังคมมีความรักความเข้าใจ
เคารพในความคิดเห็นของกันและกัน มีความเอื้อเฟื้อ
เป็นสังคมเครือญาติและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
๓) ประชาชนเห็นคุณค่าและประโยชน์ในการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
มาดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
๔) ประชาชนมีความตระหนัก รักปกป้อง เชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติมีความมั่นคงยั่งยืน
วิธีการสมัคร
ติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่วัด
สถานศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด หน่วย อบต.
และที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ สำนักงานกลางโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕
ผลการดำเนินงาน
จากการดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ในรอบ ๔
ปีที่ผ่านมา (๒๕๕๗-๒๕๖๐) พบว่า มีประชาชนสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน ๔๑,๔๓๕,๐๒๔ คนคิดเป็น ร้อยละ ๖๓.๐๔
ของประชากรในสังคมไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการในระยะที่ ๑
ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมกิจกรรม ส่วนกิจกรรมในเชิงคุณภาพได้ดำเนินการในลักษณะต่างๆ
เช่น การคิดดี ทำดี พูดดี โดยมีกิจกรรมสำคัญ ๗ ประการ คือ
๑) กิจกรรมรักษาศีล ๕
๒) กิจกรรมสวดมนต์นั่งสมาธิ
๓) กิจกรรมการรักษาความสะอาดบ้าน
สภาพแวดล้อมให้น่าอยู่
๔) กิจกรรมคบคนดีรอบข้าง ชวนกันทำความดี
๕) กิจกรรมพูดไพเราะ
สื่อสารเพื่อประโยชน์และความสุข
๖) กิจกรรมบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์
๗) กิจกรรมชั่วโมงสุขจริงหนอ
เพื่อสร้างครอบครัวให้อบอุ่นประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินการ
๑) ประชาชนมีจิตสำนึกและได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบ
มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมถิ่นกำเนิดของตนเอง ด้วยการสร้างความรักความสามัคคี
ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
๒) ประชาชนไทยทุกหมู่บ้าน ชุมชน ตำบล และสังคมมีความรักความเข้าใจ
เคารพในความคิดเห็นของกันและกัน มีความเอื้อเฟื้อ
เป็นสังคมเครือญาติและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
๓) ประชาชนเห็นคุณค่าและประโยชน์ในการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
มาดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
๔) ประชาชนมีความตระหนัก รักปกป้อง เชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติมีความมั่นคงยั่งยืน
ต่อมาคณะสงฆ์โดย มหาเถรสมาคม
ได้มีการดำเนินการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาและได้กำหนดจัดทำแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาตามมิติมหาเถรสมาคมในการประชุมครั้งที่
๕/๒๕๕๙ (มติที่ ๑๐๖/๒๕๕๙)และในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม
๒๕๖๐ ที่มีมติเห็นชอบแผนแม่บทการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว
จึงได้ดำเนินการตามแนวทางการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ๖ (+ ๑) ด้าน ได้แก่ การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาด้านการปกครองศาสนศึกษาการเผยแผ่การสาธารณูปการการศึกษาสงเคราะห์การสาธารณสงเคราะห์และการพัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกโดยมีโครงการที่ดำเนินการจำนวน
๑๔ โครงการ ดังนี้
๑) โครงการขยายโอกาสทางการศึกษาสู่สังคม
๒) โครงการยกระดับหมู่บ้านรักษาศีล ๕
๓) โครงการวิปัสสนากรรมฐานเพื่อพัฒนาทุนมนุษย์
๔) โครงการยกระดับโรงเรียนพระปริยัติธรรม
๕) โครงการส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย
๖) การพัฒนาระบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลเชิงพุทธ
๗) โครงการ Smart CardSmart
Buddhism สู่พระพุทธศาสนา ๔.๐
๘) โครงการส่งเสริมนวัตกรรมเชิงพุทธ
๙)โครงการยกระดับขีดความสามารถศาสนบุคคล
๑๐) โครงการศูนย์รวมองค์ความรู้และแหล่งเรียนรู้พระพุทธศาสนา
๑๑)โครงการบริหารศาสนสมบัติระบบการเงิน-การบัญชี
๑๒) โครงการวัดสร้างสุขด้วยกิจกรรม ๕ ส
๑๓) โครงการสาธารณสงเคราะห์เพื่อพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน
๑๔) โครงการพัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาดังนั้น
โครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา“หมู่บ้านรักษาศีล
๕” จึงเป็นโครงการที่สำคัญของคณะสงฆ์และภาครัฐที่บรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐
ปี เป็นไปตามพันธกิจการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕
แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๓๕ และ ๒๕๖๐
โดยมีการดำเนินการที่สอดคล้องกับการปฏิรูปกิจการคณะสงฆ์และการพัฒนาโครงการเพื่อต่อยอดกับการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในสังคมไทย